วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

การละหมาด

ความสำคัญของการละหมาด


การละหมาด
http://www.piwdee.net/lamat.htm

การละหมาด เป็นการปฏิบัติศาสนกิจอย่างหนึ่งในศาสนาอิสลาม เพื่อเป็นการภักดีต่ออัลลอฮฺ มุสลิมทุกคนจะต้องละหมาด วันละ 5 เวลา เรียกว่า ละหมาดฟัรฎู ละหมาด หมายถึง การขอพร ความหมายทางศาสนาหมายถึง การกล่าวและการกระทำ ซึ่งเริ่มต้นด้วยตักบีร และ จบลงด้วยสะลาม การละหมาดเป็นการสร้างเอกภาพอย่างหนึ่งของมุสลิม เมื่อละหมาดมุสลิมทั่วโลก หันหน้าไปทางกิบละฮฺ เพื่อเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ การละหมาด ฝึกฝนให้เป็นคนตรงต่อเวลา มีความอดทน และขัดเกลาจิตใจ ให้บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่ประพฤติสิ่งหนึ่งสิ่งใดในทางชั่วร้าย ดังอัลกุรอานระบุไว้ ความว่า

"และจงละหมาด แท้จริงการละหมาดจะยังยั้งความลามกอนาจารและสิ่งต้องห้าม"
อัล - อังกะบูต : 45

การละหมาดฟัรฎู

อัลลอฮฺทรงกำหนดให้มุสลิมทำการละหมาด วันละ 5 เวลา คือ

1. ละหมาดศุบหฺ มี 2 ร็อกอะฮฺ เวลา เริ่มตั้งแต่ฟ้าสางจนถึงก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น

2. ละหมาด ซุฮฺริ มี 4 ร็อกอะฮฺ เวลา เริ่มตั้งแต่ดวงตะวันคล้อย จนเงาของสิ่งหนึ่งสิ่งใด ทอดยาวออกไปเท่าตัว

3. ละหมาดอัศรฺ มี 4 ร็อกอะฮฺ เวลา เริ่มตั้งแต่เมื่อเงาของสิ่งหนึ่งสิ่งใด ยาวกว่าเท่าตัวของมันเองจนถึงดวงอาทิตย์ตกดิน

4. ละหมาดมักริบ มี 3 ร็อกอะฮฺ เวลา เริ่มตั้งแต่ดวงอาทิตย์ตกดิน จนสิ้นแสงอาทิตย์ คือเวลาพลบค่ำ

5. ละหมาดอิชาอฺ มี 4 ร็อกอะฮฺ เวลา เริ่มตั้งแต่เวลาค่ำจนถึงก่อนฟ้าสาง

คุณสมบัติของผู้ที่ต้องละหมาด

1. เป็นมุสลิม

2. บรรลุศาสนภาวะ

3. มีสติสัมปชัญญะ

4. ปราศจากหัยฎฺ นิฟาส หรือ วิลาดะฮฺ

เงื่อนไขของการละหมาด

นอกจากมีกฎเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว ผู้ละหมาดยังต้องคำนึงถึงเงื่อนไขของการละหมาดอีก 8 ประการ คือ

1. ต้องปราศจากหะดัษใหญ่และหะดัษเล็ก คือ ต้องไม่มีญะนาบะฮฺ หัยฎู นิฟาส หรือ วิลาดะฮฺ และต้องมีน้ำละหมาด

2. ร่างกาย เครื่องนุ่งห่ม และสถานที่ละหมาด ต้องสะอาด

3. ต้องปกปิดเอาเราะฮฺ กล่าวคือ ผู้ชายต้องปิดตั้งแต่สะดือถึงหัวหัวเข่า ผูู้้หญิงจะต้องปกปิดทั่วร่างกายยกเว้นมือและใบหน้า

4. ต้องหันหน้าไปทางกิบละฮฺ

5. ต้องรู้ว่าได้เวลาละหมาดแล้ว

6. ต้องรับว่ามุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติการละหมาด

7. ต้องไม่ตั้งใจเปลี่ยนการละหมาดเป็นอย่างอื่น

8. ต้องห่างไกลจากสิ่งที่ทำให้เสียละหมาด


หลักการ (รุกน) ของการละหมาด(นมาซ) มี 13 ประการ

1. ยืนตรงหันหน้าไปทางกิบละฮฺ

2. ตักบีเราะตุลอิหฺรอม

3. นียะฮฺ

4. อ่านอัล-ฟาติหะฮฺ ทุกร็อกอะฮฺ

5. รุกูอฺ พร้อมกับหยุดนิ่งชั่วขณะหนึ่ง

6. อิอฺติดาล พร้อมกับหยุดนิ่งชั่วขณะหนึ่ง

7. สุญูด พร้อมกับหยุดนิ่งชั่วขณะหนึ่ง

8. นั่งระหว่างสองสุญูด พร้อมกับหยุดนิ่งชั่วขณะหนึ่ง

9. นั่งตะฮียะฮฺสุดท้าย

10. กล่าวตะฮียฮฺสุดท้าย

11. เศาะละวาต

12. สะลามครั้งที่ 1

13. ตัรติบ นอกจากข้อ 1 - 3

ความประเสริฐของการละหมาด


ลิ้งก์ : http://www.islamhouse.com/p/57570
การละหมาดเป็นรุก่น (หลักการ) ที่สองของรุก่นอิสลาม และเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งรองลงมาจากการปฏิญาณตนเป็นมุสลิม เพราะการละหมาดคือเสาหลักของศาสนาที่มุสลิมทุกคนจะต้องช่วยกันรักษาและคงไว้ตราบใดที่ชีวิตยังมีอยู่
อัลลอฮฺได้กำชับและฝากฝังบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายให้ช่วยกันรักษาและดำรงการละหมาดห้าเวลาไว้ ดังดำรัสของพระองค์ที่มีว่า
حَافِظُواْ عَلَى الصَّلَوَاتِ والصَّلاَةِ الْوُسْطَى وَقُومُواْ لِلّهِ قَانِتِينَ (سورة البقرة:238)

“พวกเจ้าจงรักษาการละหมาดทั้งหลายไว้ และละหมาดที่อยู่กึ่งกลาง (คือ ละหมาดอัศริ) และจงยืนละหมาดเพื่ออัลลอฮฺโดยนอบน้อม” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 238)
และสิ่งสุดท้ายที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ฝากไว้กับเหล่าเศาะหาบะฮฺของท่านก่อนที่ท่านจะจากโลกนี้ไปก็คือการละหมาดห้าเวลา

การละหมาดเป็นศาสนกิจอันหนึ่งที่จะช่วยสานสายสัมพันธ์อันดีงามและมั่นคงระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับบ่าวของพระองค์ นับตั้งแต่เราเริ่มกล่าวตักบีรฺ(อัลลอฮุ อักบัรฺ) ก็แสดงให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า ขณะนี้บ่าวกำลังเข้าเฝ้าอัลลอฮฺ พระองค์ผู้ทรงสร้าง เพราะว่าตั้งแต่ตักบีรจนถึงการให้สลาม เราจะเห็นได้ว่ากิริยามารยาทและทุกอิริยาบทที่ถูกแสดงออกมาในช่วงประกอบพิธีละหมาดนั้น คืออิริยาบทของบ่าวผู้อ่อนแอที่กำลังเข้าเฝ้าพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ คือ พระองค์อัลลอฮฺ

อีกหลักฐานหนึ่งที่จะช่วยบ่งชี้ว่า การละหมาดคือการเข้าเฝ้าอัลลอฮฺก็คือ เวลาที่ผู้ละหมาดอ่านสูเราะฮฺ อัล-ฟาติหะฮฺ ในทุกๆ ร๊อกอัตของการละหมาด ทุกๆ อายัตที่เขาได้อ่านในสูเราะฮฺ อัล-ฟาติหะฮฺนั้น อัลลอฮฺจะทรงตอบรับดังที่มีรายงานในหะดีษของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม (รายงานโดย มุสลิม)

ส่วนหนึ่งของประโยชน์สำหรับผู้ที่รักษาไว้ซึ่งการละหมาดก็คือ การละหมาดจะช่วยชำระบาป และจะช่วยชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ปราศจากสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ หรือบาปอันเป็นสิ่งโสโครกที่ติดอยู่ให้หมดสิ้นไป ดัง หะดีษที่มีความว่า “พวกท่านลองตอบสิว่า ถ้าหากว่าหน้าประตูบ้านของพวกท่านมีแม่น้ำไหลผ่าน เพื่อที่พวกท่านจะได้อาบน้ำชำระร่างกายห้าครั้งในทุกๆวัน แล้วท่านยังจะมีสิ่งสกปรกหรือกลิ่นตัวติดหรือค้างอยู่อีกไหม?” บรรดาผู้ที่ฟังท่านอยู่ตอบว่า จะไม่มีสิ่งสกปรกลงเหลือเลย ท่านก็กล่าวอีกต่อไปว่า “ดังนั้นการละหมาดห้าเวลาก็เช่นกัน อัลลอฮฺจะทรงชำระบาปและความผิดต่างๆ ของพวกท่านด้วยการละหมาด” (รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ และมุสลิม)
ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวไว้ความว่า “การละหมาดห้าเวลาและการละหมาดญุมอะฮฺ (ละหมาดวันศุกร์) หนึ่งไปยังอีกญุมอะฮฺหนึ่ง มีผลตอบแทนคืออัลลอฮฺจะทรงไถ่โทษ (ชำระบาป) ในสิ่งที่ไม่ไช่บาปใหญ่” (รายงานโดย มุสลิม)
การละหมาดมิใช่เพียงแต่สามารถชำระบาปและสิ่งโสโครกเท่านั้น แต่การละหมาดยังสามารถสร้างเกราะป้องกันบาปอีกด้วย ดังดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
إِنَّ الصَّلاَةَ تَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاء وَالْمُنكَرِ (سورة العنكبوت:45)

“แท้จริงการละหมาดสามารถยับยั้งมิให้กระทำความโสมมและความชั่ว” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-อันกะบูต : 45)

นั่นเป็นเพราะว่าการละหมาดคือแสงสว่างที่จะช่วยส่องจิตใจของผู้ศรัทธาบนโลกนี้และในวันอาคิเราะฮฺ ท่านรอซูลได้กล่าวไว้มีความว่า “การละหมาดนั่นคือแสงสว่าง” (รายงานโดยมุสลิม)

ซึ่งใครก็ตามที่รักษาไว้ซึ่งการละหมาดเขาจะได้รับแสงสว่างและความสำเร็จในวันอาคิเราะฮฺ

คุณละหมาดแล้วหรือยัง?
http://www.iqraforum.com/oldforum1/www.iqraonline.org/forum/index54d7.html?topic=1584.0

-----------------------------------------------------------------------------

1. เราละหมาดเพราะการละหมาดเป็นหลักปฏิบัติของอิสลามที่มีความสำคัญเป็นลำดับแรก หลังจากกล่าวคำปฏิญาณตน ซึ่งถือว่าเป็นเสาหลักของศาสนาอิสลาม เมื่อใดเสาหลักล้มอิสลามที่เรากำลังนับถือนั้นก็จะล้มตามไปด้วย
แท้จริงการละหมาดนั้นเป็นการสร้างความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้เป็นเจ้าในฐานะเป็นผู้ทรงอภิบาล เป็นผู้สร้างเรา ให้ริสกีและความสะดวกต่าง ๆ นานาให้แก่เรา
2. เราดำรงการละหมาดเพราะเราเชื่อว่า อัลลอฮฺทรงบัญชาให้เราละหมาด ซึ่งเราจำเป็นต้องเชื่อฟัง พร้อมกับปฏิบัติตามให้ดีที่สุด และเพื่อเป็นการขอบคุณอัลลอฮฺที่เราได้รับความโปรดปรานและความเมตตาอย่างล้นพ้นและอย่างไม่ขาดสาย ทุก ๆ วินาาทีเราได้รับริซกี ได้รับเราะฮฺมัตและความสะดวกต่าง ๆจากอัลลอฮฺ ที่นับไม่ถ้วน
3. อะมัลอันดับแรกที่จะถูกพิจารณาในวันอะคีเราะฮฺคือการละหมาด ผู้ใดที่การละหมาดของเขานั้นดี ( ตรงต่อเวลาและมีสมาธิที่ดี ) เขาก็จะได้รับความสำเร็จ ส่วนผู้ที่การละหมาดของเขาบกพร่องและไม่ดี ( เช่นไม่ตรงต่อเวลา ไม่บริสุทธิ์ใจ ไม่มีสมาธิ เป็นต้น) เขาก็จะขาดทุน และจะเสียดายในภายหลัง นบีศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้เปรียบเทียบคนละหมาดห้าเวลาว่า ผู้ใดหากมีคลองอยู่บริเวณหน้าบ้านของเขา แล้วเขาได้อาบน้ำในคลองนั้นห้าเวลาต่อวันร่างกายของเขายังติดสิ่งสกปรกหรือ? พวกเศาะหาบะฮฺตอบว่า ไม่มีอะไรจะเหลือเลย ท่านนบีศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า แท้จริงการการละหมาดห้าเวลานั้นสามารถที่จะลบล้างบาปต่างๆดังน้ำที่สามารถจะลบล้างสกปรกได้ แน่นอนร่างกายของเขาก็สะอาดเนื่องจากเขาจำเป็นต้องอาบน้ำละหมาด หรือ มีน้ำละหมาดทุกครั้งที่เขาจะทำการละหมาด ไม่ว่าการละหมาดห้าเวลา หรือ การละหมาดสุนัตต่างๆและจิตใจของเขาก็บริสุทธิ์ปราศจากสิ่งสกปรกต่างๆทางจิตใจโดยเฉพาะความสกปรกของบาปที่อิสลามถือว่าเป็นสิ่งสกปรกที่นำมาซึ่งอันตรายและความหายนะต่อมนุษย์ในโลกหน้า ซึ่งสอดกล้องกับการตรัสของอัลลอฮฺความว่า ( แท้จริงการละหมาด ( ที่ถูกต้อง ) นั้นจะยับยั้งการทำลามกและความชั่ว ) ( ซูเราะฮฺ อัลอังกะบูต :45 )

การละหมาดที่สมบูรณ์และมีความประเสริฐที่สุด คือ การละหมาดที่ถูกต้องทุกประการ ทั้งรูปแบบ ตรงต่อเวลาและการถ่อมตน มีสมาธิที่ดี ท่านรสูลศอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้ให้ความสำคัญของการละหมาดที่มีคุณค่ามากที่สุด ท่านกล่าวว่า อะมัลที่ดีที่สุด หรือที่อัลลอฮฺทรงชอบที่สุด ( ส่วนหนึ่ง ) คือ การละหมาดตรงต่อเวลา.
ตรงกันข้ามคนที่ทำการละหมาดที่ไม่ตรงต่อเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการละหมาดนอกเวลาด้วยเจตนาโดยไม่มีเหตุผลใดๆที่ยอมรับได้ในทางศาสนา หรือการละหมาดที่ไม่มีการสมาธิ ก็ย่อมเป็นการปฏิบัติที่ไม่พึ่งประสงค์ในอิสลาม ยิ่งกว่านั้นเขาจะอยู่ในกลุ่มสาฮูน (พวกที่ละเลยต่อการละหมาด ) ซึ่งอัลลอฮฺทรงสัญญาไว้จะลงโทษด้วยความหายนะและความวิบัติ ดังที่อัลลอฮฺทรงตรัสในอัลกุรอานความว่า ดังนั้นความหายนะจงมีแด่บรรดาผู้ทำการละหมาดคือผู้ที่พวกเขาละเลยต่อการละหมาดของพวกเขา


by: มุรีด ทิมะเสน - mureed@mureed.com - 4/1/05 06:03
http://www.mureed.com/mr_talk/bview.asp?id=901

1. ความสำคัญของการนมาซ
ความสำคัญของการนมาซฟัรฺฎุคือ การนมาซฟัรฺฎูจะถูกสอบสวนเป็นสิ่งแรกในวันกิยามะฮฺ
ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺเล่าว่า ฉันฟังท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า
" إن أول ما يحاسب به العبد المسلم يوم القيامة الصلاة المكتوبة فإن أتمها وإلا قيل انظروا هل له من تطوع فإن كان له تطوع أكملت الفريضة من تطوعه ثم يفعل بسائر الأعمال المفروضة مثل ذلك " ความว่า "แท้จริงสิ่งแรกที่บ่าวมุสลิมจะถูกสอบสวนในวันกิยามะฮฺคือการนมาซที่ถูกกำหนด (เป็นฟัรฺฎู 5 เวลา) หากเขาปฏิบัตินมาซนั้นสมบูรณ์ (เขาก็ถูกสอบสวนในเรื่องอื่นต่อไป) ยกเว้น (ถ้าการนมาซฟัรฺฎูของเขาไม่สมบูรณ์) จะมีเสียงกล่าวขึ้นว่า พวกท่านจงพิจารณาว่า การนมาซสุนนะฮฺของเขามีหรือไม่? ซึ่งหากการนมาซสุนนะฮฺมีสำหรับเขา ทำให้การนมาซฟัรฺฎุ (ที่บกพร่องนั้น) สมบูรณ์อันเนื่องจากการนมาซสุนนะฮฺของเขา ถัดจากนั้นการงานทั่วไปที่เป็นฟัรฺฎูก็จะถูกสอบสวนเสมือนกับนมาซฟัรฺฎู" (บันทึกโดยติรฺมิซีย์ หะดีษที่ 378)

2. บุคคลที่ไม่บกพร่องในเรื่องนมาซ, พระองค์อัลลอฮฺทรงทำให้เขาได้รับสวรรค์เป็นการตอบแทน
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " من أتي بهن لم يضيع منهن شيئا استخفافا بحقهن كان له عند الله تبارك وتعالي عهد أن يدخله الجنة " ความว่า "ดังนั้นบุคคลใดปฏิบัตินมาซทั้ง 5 เวลาโดยเขาไม่เพิกเฉยสิ่งหนึ่งที่คิดว่าไม่สำคัญจากความถูกต้องของการนมาซทั้ง 5 เวลานั้น (เช่นนี้แหละ) สัญญาหนึ่งของอัลลอฮฺที่จะมอบให้แก่เขาคือ การทำให้เขาได้เขาสวรรค์ (ของอัลลอฮฺ)" (บันทึกโดยนะสาอีย์ หะดีษที่ 457)

3. บทลงโทษของบุคคลที่ละทิ้งนมาซ คือ เขาผู้นั้นได้ทำลายสนธิสัญญาระหว่างเขากับท่านนบีมุหัมมัด และประหนึ่งเขาเป็นผู้ปฏิเสธ
ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าว่า " العهد الذي بيننا وبينهم الصلاة فمن تركها فقد كفر " ความว่า "สนธิสัญญาระหว่างเรากับระหว่างพวกเขาคือ การนมาซ ดังนั้นบุคคลใดละทิ้งการนมาซ ถือว่าเขาปฏิเสธศรัทธาแล้ว" (บันทึกโดยติรฺมิซีย์ หะดีษที่ 2545 และนะสาอีย์ หะดีษที่ 459)
والله أعلم بالصواب والسلام


4 Topics page No. 1 from 1 pages


คุณค่าและความสำคัญของละหมาด อะดิษที่ 1 - 3
คุณค่าและความสำคัญของละหมาด อะดิษที่ 4 - 6
คุณค่าและความสำคัญของละหมาด ฮะดิษที่ 7 - 10
คุณค่าและความสำคัญของละหมาด ฮะดิษที่ 11

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม